เลี้ยงอย่างไรให้ลูกฉลาด
ความฉลาดคืออะไรความฉลาด หมายถึงการรู้จักคิด รู้จักแก้ปัญหา
ตลอดจนการสื่อความหมายและพฤติกรรมที่เหมาะสมกับสถานการณ์และสังคมซึ่งทำได้ดีกว่าเด็ก
ทั่วไปในวัยเดียวกัน
โดยที่เมื่อวัดระดับความสามารถของเชาว์ปัญญา
โดยแบบทดสอบมาตราฐานIQ Test
ของเด็กฉลาดแล้วมักจะพบว่ามีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กปรกติทั่วไปในวัยเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม
เด็กบางคนอาจมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที และ
เหมาะสมกับสถานการณ์เหนือเด็กทั่วไป
แต่มีค่าระดับเชาว์ปัญญาอยู่ในเกณฑ์ปรกติ
ก็อาจนับเป็นเด็กฉลาดได้
จะส่งเสริมความฉลาดของลูกได้อย่างไร
ความฉลาดเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้
โดยการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมประสบการณ์อย่างเหมาะสมกัยวัยและความสามารถของเด็ก
การศึกษาเรื่องเด็กเล็กในปัจจุปบันทำให้เราพบว่าความสามารถของเด็กทารกในเรื่องที่เกี่ยวกับการเรียนรู้และเชาว์ปัญญาเพิ่มขึ้น
กล่าวคือ
1.เด็กแรกเกิด
มีความสามารถในการมองและการเลียนแบบสีหน้าพ่อแม่ได้
2.เด็กสามเดือน
จะเริ่มเรียงลำดับสิ่งที่มองเห็นและจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
3. เด็กห้าเดือน
จะเริ่มรู้จักเรื่องของจำนวนและการบวกเลขอย่างง่ายๆได้
4.เด็กหกเดือน
จะเริ่มรู้จักเสียงที่เป็นภาษาของตัวเองได้
ดังนั้นการช่วยสร้างเสริมประสบการณ์อันเป็นพื้นฐานของการพัฒนาความฉลาดของเด็ก
จึงเริ่มได้
ตั้งแต่แรกเกิดโดยเริ่มจากการเปิดโอกาสให้เด็กได้ยินเสียงต่างๆ
เช่น เสียงพูดคุย เสียงดนตรี
เสียงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
ตลอดจนเปิดโอกาสให้เด็กเคลื่อนไหวและใช้มือสัมผัสสิ่งรอบตัว
จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี
พ่อแม่ที่จะช่วยส่งเสริมความฉลาดของลูกได้ดี
ควรจะรู้ภาวะปรกติของเด็กแต่ละวัย
ในขณะเดียวกันจะต้องเป็นคนช่างสังเกต
ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่าในช่วงเวลานั้นๆ
ลูกของตนมีความสามรถเหมาะสมกับวัย
หรือ เก่งกว่าวัย กำลังสนใจอะไร
และฉับไวพอที่จะรู้ว่าควรจะสอดแทรกอะไรให้แก่ลูกที่จะช่วยให้เด็กรู้จักคิด
รู้จักแก้ไขปัญหา
พร้อมกับฝึกความคิดไปในตัว
ตัวอย่างเช่น
เด็กแรกเกิดที่ลืมตามองจ้องไปยังของเล่นรูปช้างที่อยู่ตรงหน้า
พ่อแม่อาจจะช่วยชี้ที่รูปช้างนั้นแล้วพูดว่า
นี่ตัวช้างนะคะ
พอตรั้งต่อๆไปที่ลุกมองไปยังตัวช้างอีกก็ค่อยๆเพิ่มรายละเอียดขึ้น
เช่น ช้างมีหูใหญ่ 2 หู
นี่ไงคะหูช้าง
พร้อมกับเอามือชี้ที่หูช้าง
เป็นต้น พอเด็กอายุ 3-5 เดือน
เวลามองไปที่ตัวช้าง
พ่อแม่อาจสอดแทรกเรื่องจำนวนนับเพิ่มขึ้นโดยพูดเพิ่มดังนี้
ช้างมันมีหูใหญ่ 2 หู นี่ไงคะ
หูช้าง ..1 หู 2 หู
พร้อมกับเอานิ้วชี้ที่หูช้างนั้นทีละหูให้ดู
เด็กอายุ 6-7 เดือน
ที่เริ่มคืบคลาน
พ่อแม่อาจเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา
โดยจับลูกนั่งพร้อมกับวางของเล่นตรงหน้าให้อยู่ห่างขนาดเอื้อมมือหยิบไม่ถึง
เพื่อให้ลูกพยายามจะหาวิธีไปเอาของเล่นมาโดยลูกอาจล้มตัวไปข้างหน้า
เพื่อที่จะอยู่ในท่าคืบ คลาน
ไปเอาของเล่นนั้น เด็กอายุ 9 - 12 เดือน
ซึ่งกำลังอยากรื้อของ
พ่อแม่อาจเอาของเล่นใส่กล่องหรือตะกร้าวางให้เด็กได้รื้อ
ได้ค้นของขึ้นจากกล่องนั้น
แต่ขณะเดียวกันต้องสอนให้รู้จักเก็บของเล่นนั้นด้วย
เพื่อจะได้รู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองจะสามารถทำได้
ในที่นี้คือสามารถรื้อของเล่นได้อย่างที่ต้องการ
แต่ต้องรู้จัการเก็บของนั้นด้วยตนเอง
ซึ่งหลักการนี้ใช้ได้กับเด็กทุกอายุ เด็กอายุ 2-3 ปี
ซึ่งกำลังสนใจ ขีดเขียน
แม้เพียงลากเส้นยุ่งๆ 2-3 เส้น
บนกระดาษ
พ่อแม่อาจถามลูกตอนเขียนเสร็จแล้วว่า
นี่รูปอะไรคะ
ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เด็กคิดและตอบ
เด็กอายุ 3-4 ปี
ซึ่งเดินไปพบก้อนกรวดบนถนนและก้มลงดู
ขระเดินไปกับพ่อแม่
พ่อแม่อาจหยุดเดินชั่วครู่
และก้มลงดูก้อนกรวดนั้นกับลูก
พร้อมกับคุยเรื่องเกี่ยวกับก้อนกรวดสั้นๆ
ก่อนที่จะชวนให้ลูกเดินต่อไป
หรือในทางกลับกัน
พ่อแม่เป็นคนเห็นกรวดสีสวยก่อนจึงหยุดเดินแล้วชี้ให้ลูกดูกรวดนั้น
จะช่วยเสริมความสามารถในการสังเกตแก่ลูกได้จะเห็นว่าพ่อแม่ที่ช่างสังเกต
ช่างพูดคุย และมีความอดทน
มีความใจเย็นที่จะสร้างบรรยากาศรอบตัวให้ดูน่าสนใจ
น่าสนุกที่จะเรียนรู้
เป็นส่วนสำคัญที่เปิดโอกาสให้ลูกพัฒนาประสบการณ์ที่ได้รับนั้น
เป็นความฉลาดต่อไปได้