บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ คือศัตรูของงานหรือเปล่า

ออฟฟิศของคุณมีภาพลักษณ์ของมืออาชีพ แต่อาจเป็นไปได้ว่าความเลินเล่ออย่างไม่รู้เดียงสากำลังทำลายความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงานของคุณ ต่อไปนี้คือวิธีแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นมืออาชีพเต็มตัว ในที่ประชุมประจำเดือนของแผนก ขณะที่คุณขึ้นไปยืนกล่าวรายงานข้อมูลล่าสุด หัวใจก็เกิดเต้นเร็วผิดจังหวะคุณตื่นเต้นงงงวย พูดติดอ่างตะกุกตะกักไปสองสามประโยค ให้ตัวเลขผิดพลาดไปสองสามครั้ง และในช่วงเวลานั้นหน้าของคุณก็แดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก ไม่ใช่เรื่องใหญ่คุณคิดอย่างนั้น ทุกคนต้องมีอาการ ประสาทกันบ้าง จริงมั้ย ไม่จริงหรอก อาการตื่นเวทีอย่างรุนแรงนี้เป็นตัวการสำคัญที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของคุณลงได้ เป็นตัวทำลายภาพลักษณ์ที่จะทำให้หน้าที่การงานคุณเสียหาย บ่อนทำลายอำนาจที่คุณมี และบดบังโอกาสของความก้าวหน้า " อย่างน้อยที่สุด 50 เปอร์เซนต์ของความน่าเชื่อถือของคุณในที่ทำงานจะมาจากคนอื่นเห็นว่าคุณดูเป็นอย่างไร การแสดงออกอย่างไม่ใช่มืออาชีพ ดังเช่นตื่นเวทีรุนแรง หน้าแดงร้องไห้ พูดจาเหมือนเด็กๆ หรือแต่งเนื้อแต่งตัวไม่เหมาะสมสามารถทำให้คุณน่าจะอยู่บ้านมากกว่ามาเข้าร่วมประชุม ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็จะพัฒนาให้น่าเชื่อถือและทำอย่างรวดเร็วด้วย ไม่อย่างนั้นแล้ว จะเสี่ยงต่อการเป็นตัวแทนของพวกยังไม่โต และนี่คือวิธีที่แสดงให้เจ้านายคุณเห็นว่าคุณไม่ได้เป็นเด็กแล้ว

อาการหน้าแดง

เคยมีบ้างมั้ยในชั่วขณะหนึ่งของการทำงานที่คุณอับอายเสียจนกระทั่งหนาแดงซ่าน สีเหมือนพั้นช์ฮาวายเอี้ยน แน่นอนว่าบางทีตอนที่เกิดเหตุ คุณอาจจะดูน่ารักน่าหัวเราะ แต่ข้อเท็จจริงที่น่าอึดอัดใจเกี่ยวกับอาการหน้าแดงนี้มีอยู่ว่ามันสามารถทำให้คุณดูเป็นคนที่ขาดคุณวุฒิภาวะและมีจิตใจหวั่นไหวอย่างง่ายดาย


ร้องไห้ฟูมฟาย

ถ้าเล่นเกมส์ร้องไห้ในที่ทำงานคุณจะเป็นฝ่ายแพ้เสมอ เมื่อคุณน้ำหูน้ำตาไหลในเรื่องงานต่อหน้าต่อตาเจ้านายของคุณมันก็จะแสดงให้เห็นว่า คุณไม่มีทักษะที่จะรับมือกับความเครียดในการทำงาน

การร้องไห้ในที่ทำงานไม่เพียงจะทำให้คุณดูเป็นคนอ่อนแอและไม่รู้จักควบคุมตนเอง แต่มันยังทำให้เกิดมีคำถามขึ้นมาว่า แล้วคุณจะเป็นตัวแทนของบริษัทได้อย่างไร ถ้าคุณไปร้องไห้ต่อหน้าลูกค้าเข้าล่ะ ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้ปรากฎอยู่ในใบประเมินผลรายงานว่า " ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ภายใต้ภาวะกดดัน" แต่อยากให้เป็น คุณสมบัติดีเลศก็ควรที่จะเรียนรู้การระงับอารมณ์
วิธีหนึ่งที่จะให้คุณรักษาสภาวะสมดุลทางอารมณ์ในที่ทำงานไว้ได้ ก็คือสร้างความเป็นมืออาชีพโดยแบ่งแยกออกจากลักษณะส่วนตัว "ในตอนเช้าขณะที่คุณสวมใส่เสื้อผ้ามาทำงาน คิดวาดภาพตัวเองกำลังสวมบทบาทของนักธุรกิจด้วยเสริมสร้างบุคลิกให้เป็นมืออาชีพ และจำกัดความรู้สึกอ่อนไหวให้น้อยลง การรู้จักควบคุมอารมณ์ แน่นอนละ พูดง่ายทำยาก เพราะอย่างนั้นคุณควรจะทำอย่างไรดี ถ้าพบว่าคุณยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหม่นหมองขึ้นมาในระหว่างการประชุม เก็บเรื่องเศร้านั้นไว้กับตัวเอง"อย่าขออภัย อธิบายหรือแก้ตัว" ให้หายใจเข้ายาวๆลึกๆนับหนึ่งถึงห้าแล้วพูดว่า " ขอโทษค่ะ" จากนั้นหันกลับไปทำงานต่อเท่านี้พอ



คำพูดติดปาก..เฮ้ออ้า..แบบว่า

"คำพูดคำจาเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคุญที่ผู้คนใช้ตัดสินคุณวิธีการของคุณจะทำให้คนอื่นประทับใจทั้งในความฉลาดมีไหวพริบ และในความสามารถโดยรวมด้านอื่นๆของคุณ ดังนั้นคุณต้องรู้ว่า ถ้าคุณชอบพูดเอ้อ อ้า อยู่ตลอด คุณกำลังทำให้ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่ผู้คนประสบกันในที่ทำงานก็คือ พูดจา โดยใช้คำคั่นจังหวะเช่น อ้อ อึม และแบบว่ามากเกินไปมันอาจทำให้เห็นว่าคุณขาดไหวพริบ การจะปลดปล่อยตนเองจากวิธีการพูดที่จะทำลายภาพลักษณ์แบบนี้นั้น คุณควรแปะข้อความไว้ข้างโทรศัพท์อย่างเช่น อย่าพูดอึม หยุดเงียบไว้จะดีกว่า หรืออัดเทปการพูดคุยของคุณเพื่อนถ้าคุณใช้คำพูดคั่นจังหวะพวกนี้มากเกินกว่า 3 ครั้งในการสนทนา คุณจำเป็นต้องแก้นิสัยนี้ให้ได้ ท้ายที่สุดการพูดจาด้วยเสียงแหลมสูงหายใจฟืดฟาดจะเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า คุณไม่มีความหนักแน่น

แต่งตัวเพื่อ(อะไรก็ได้ยกเว้น)ความสำเร็จ

จำได้มั้ยถึงเมื่อตอนที่คุณใส่กางเกงยีนส์สีเข้มสุดเปรี้ยวกับรองเท้าผ้าใบสีส้มแปร๋นมาทำงาน ถ้าคุณคิดว่าเสื้อผ้าอย่างนี้แหละที่จะบอกให้เจ้านายได้รู้ว่าคุณเป็นสาวน้อยที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้แค่ไหนแล้วละก็ เสียใจที่ต้องขัดคอว่า การแต่งตัวอย่างนี้แหละจะประกาศให้เจ้านายของคุณรู้ได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือ คุณมีความคิดผิดๆเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายใน office และนั่นอาจหมายความว่าคุณดูไม่น่าเชื่อถือพอที่จะได้รับมอบหมายงานสำคัญๆ "คุณควรจะแต่งตัวเพื่อตำแหน่งหน้าที่ที่คุณต้องการ ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน"